ท่านพระครู(อมร วีรคุณ) อินตา อินทวโร เผยว่างานบุญใหญ่ของวัดป่าเป้าในเมืองเชียงใหม่เริ่มแล้ววันที่ 4-5-เมษายนนี้

เสาร์ ที่ 31 มีนาคม 2561 จำนวนอ่าน 1877 ครั้ง

รูปภาพประกอบ

ท่านพระครู(อมร วีรคุณ) อินตา อินทวโร เผยว่างานบุญใหญ่ของวัดป่าเป้าในเมืองเชียงใหม่เริ่มแล้ววันที่ 4-5-เมษายนนี้
 
ท่านพระครู(อมร วีรคุณ) อินตา อินทวโร เผยว่างานบุญใหญ่ของวัดป่าเป้าในเมืองเชียงใหม่เริ่มแล้ววันที่ 4-5-เมษายนนี้
 
ท่านพระครู(อมร วีรคุณ) อินตา อินทวโร เผยว่างานบุญใหญ่ของวัดป่าเป้าในเมืองเชียงใหม่เริ่มแล้ววันที่ 4-5-เมษายนนี้
 
ท่านพระครู(อมร วีรคุณ) อินตา อินทวโร เผยว่างานบุญใหญ่ของวัดป่าเป้าในเมืองเชียงใหม่เริ่มแล้ววันที่ 4-5-เมษายนนี้
 
ท่านพระครู(อมร วีรคุณ) อินตา อินทวโร เผยว่างานบุญใหญ่ของวัดป่าเป้าในเมืองเชียงใหม่เริ่มแล้ววันที่ 4-5-เมษายนนี้
 
ท่านพระครู(อมร วีรคุณ) อินตา อินทวโร เผยว่างานบุญใหญ่ของวัดป่าเป้าในเมืองเชียงใหม่เริ่มแล้ววันที่ 4-5-เมษายนนี้
 
ท่านพระครู(อมร วีรคุณ) อินตา อินทวโร เผยว่างานบุญใหญ่ของวัดป่าเป้าในเมืองเชียงใหม่เริ่มแล้ววันที่ 4-5-เมษายนนี้
 
ท่านพระครู(อมร วีรคุณ) อินตา อินทวโร เผยว่างานบุญใหญ่ของวัดป่าเป้าในเมืองเชียงใหม่เริ่มแล้ววันที่ 4-5-เมษายนนี้
 

ท่านพระครู(อมร วีรคุณ) อินตา อินทวโร เผยว่างานบุญใหญ่ของวัดป่าเป้าในเมืองเชียงใหม่เริ่มแล้ววันที่ 4-5-เมษายนนี้

ท่านพระครู(อมร วีรคุณ) อินตา อินทวโร เผยว่างานบุญใหญ่ของวัดป่าเป้าในเมืองเชียงใหม่เริ่มแล้ววันที่ 4-5-เมษายนนี้

 

   ที่ วัดป่าเป้าเชียงใหม่ ท่านหลวงพ่อ พระครู(อมร วีรคุณ) อินตา อินทวโร เผยว่างานบุญใหญ่ของวัดป่าเป้าในเมืองเชียงใหม่เริ่มแล้ววันที่ 4-5-6 เมษายน 2561 นี้จึงขอให้ชาวพุทธมาร่วมทำบุญกันตามวันและเวลาดังกล่าวตามข่าว 

     ประวัติย่อของ(วัด ป่าเป้า)  ตั้งอยู่ที่  เลขที่  ๕๘  บริเวณแจ่งศรีภูมิ  ถนนมณีนพรัตน์  ตำบลศรีภูมิ  อำเภอเมือง  จังหวัดเชียงใหม่ ในสมัยก่อนมีพื้นที่  ทิศเหนือห่างจากวัด 100  วา  ทิศใต้จดคูเมือง  ทิศตะวันออกห่างจากวัด100 วา  และทิศตะวันตกห่างจากวัด 100 วา  แต่เดียวนี้ พื้นที่ดินสี่เหลี่ยมจัตุรัส  มีเนื้อที่  ๑๐ ไร่  ๘๑  ตรางวา    และภายนอกกำแพงเป็นธรณีสงฆ์วัดมี    ไร่ ๒ งาน ๗๓ ตรางวา รวม  ๑๑ ไร่  โดยประมาณ   สถานที่นี้เคยเป็นคุ้มเก่า (วังเก่า) ของพระเจ้ากือนาธรรมิการาชเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ในเชื้อเจ้าเจ็ดตนสมัย นั้น   หลังจาก พระเจ้ากือนาธรรมิการาชได้สวรรคตลงไปแล้ว  อัครมหาเสนาบดีแสนผานองได้นำพระศพ ของพระเจ้ากือ เข้าไปในเมือ งทางด้าน กำแพงตรงข้ามวัดพราหมณ์   ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดป่าเป้าทุกวันนี้   เพื่อที่จะทำพิธีแต่งการฌาปนกิจศพของ พระเจ้ากือนาเมื่อเสร็จแล้ว  ภายหลังก็ไม่ได้มาดูแลที่คุ้มเก่าทางนอกกำแพงเมือง  เพราะติดพันอยู่กับสงครามด้านอื่นๆ อยู่   จึงเป็นอันชำรุดทรุดโทรมลง ไปกลายเป็นที่รกร่างว่างเปล่า  มีหมู่ไม้นานาพันธ์ชนิดขึ้นเต็มไปหมด  ในบรรดาหมู่ไม้ทั้งหลายโดยเฉพาะ ไม้ต้นเป้า ( ต้นเป้า นี้เป็นยาสมุนไพร )มีมากกว่าหมู่ไม้ทั้งหลาย ภายหลังมีชาวเงี้ยว(ไทใหญ่)  ที่มีอยู่เก่ารวมกัน ขออนุญาต ต่อเจ้าผู้ครองนครในสมัยนั้น  จึงอนุญาตให้ไปแพ้วถางป่าไม้เป้าที่คุ้มเก่า  (วังเก่า)  นอกกำแพงเมืองทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  ตรงข้ามแจ่งศรีภูมิ จึงทำการสร้างวัดขึ้น เป็นสถาปัตยะกรรม แบบศิลปะของชาวเงี้ยว (ไทยใหญ่) ขึ้นมาเป็นหลังคาซ้อนกันเป็นชั้นๆ  เรียกชื่อว่า  เชตวันวิหารบ้าง เวฬุวันวิหารบ้างเรื่อยมา จึงมีการบูรณะซ่อมแซมมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว  จนมาถึงสมัยพระเจ้ากาวีละ  เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ประถมวงศ์  ได้มีการปรับปรุงทำนุบำรุงบ้านเมือง  ให้เจริญรุ่งเรือง  จึงมีการไปกวาดต้อนผู้คน ในหัวเมืองทิศต่างๆ ขึ้น  จากตก  ออกเหนือและใต้   เช่น   นับตั้งแต่ฝาง   เชียงราย  เชียงคำ  เชียงของ  เมืองปู  เมืองสาต  เมืองกาย  เมืองพะยาก  เมืองเลน  เมืองโก  เมืองยอง  เมืองเชียงตุง  เมืองขอน  เมืองยู้  เมืองหลวง  เมืองวะ  เมืองลวย  เมืองตองกายเมืองสิบสองปันนา  ( เมืองโก  เมืองเลน  เมืองวะดังปรากฏอยู่ในอำเภอสันทรายทุกวันนี้)  ทิศตะวันตกจนถึงฝั่งแม่น้ำสาลวิน  (น้ำคง)มี  เมืองยวม  เมืองขุนยวม  เมืองแม่ฮ่องสอน  เมืองแหง  เมืองปาย  เมืองต๋วนเมืองต้าฝั่ง  เมืองผาปูน  เมืองยางแดง  เมืองส่วยกะยาง  เมืองวัวลาย  เมืองกิติ  เมืองจ๊อต ฯ     

     เมื่อมีการกวาดต้อนผู้คนเหล่านั้นเข้ามานั้นมีทั้งชาวเงี้ยว( ไต - ไทใหญ่ )  ก็รวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วยดังนั้น   ชาวเงี้ยวก็มาสมทบพวกเก่าๆ   จนมีมากขึ้น  จึงได้มีการรวมกันบูรณะซ่อมแซมวัดวาอารามที่มีอยู่เก่าขึ้นเรื่อยมาอีก  จนถึงสมัยพ่อเจ้าอินทรวิชยานนท์  เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่    จึงกวาดต้อนผู้คนทางบ้านแม่กะตวนเข้ามาในนครเชียงใหม่อีก  ในครั้งนั้นที่มารวมทั้งครอบครัว ของแม่เฒ่าต้าว  เป็นภรรยาของต้าวหมอ (เงี้ยว)  มีพื้นเพตั้งเดิมเป็นคน  เมืองลางเคือ  มาตั้งบ้านเรือนอยู่ย่านประตูช้าง เผือกแม่เฒ่าต้าวผู้นี้  มีบุตรธิดารวมทั้งหมด    คน  คือพ่อจางมน  แม่จางอ่อง  แม่นางนวล  แม่นางแก้ววรรณา  ส่างสาม และแม่นางไหล(ภายหลัง ได้รับการแต่งเป็นหม่อมบัวไหล แม่เฒ่าต้าว  และพ่อเฒ่าต้าวหมอ  (เงี้ยว) มาตั้งบ้านเรือนอยู่แถวย่านประตูช้างเผือก  ต่อมาแม่หม่อมบัวไหล  และรวมกับชาวเงี้ยว ( ไทใหญ่ )  ก็ได้เป็นผู้นำทำการ  ขออนุญาตบูรณะซ่อมแซมวัดป่าเป้าเป็นการใหญ่ ต่อพ่อเจ้าอินทรวิชยานนท์  พ่อเจ้าอินทรวิชยานนท์ก็โปรดเกล้าอนุญาตให้ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๖  อีก  เพื่อเป็นที่ประกอบพิธีกรรม ทางศาสนาต่างๆ จนถึงปัจจุบัน ตราบเท่าทุกวันนี้นครเชียงใหม่    ในยุคราชวงศ์เจ้าเจ็ด ตนครองเมืองนั้น    เชียงใหม่อยู่ในฐานะ ประเทศราชของกรุงเทพฯการศึกสงครามกับประเทศพม่า ได้สิ้นสุดลงแล้วในตอน ปลายรัชสมัยพระเจ้ากาวิโรรสสุริยวงศ์    (เจ้าชีวิตอ้าว) มี การฟื้นฟูบ้านเมืองและ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง ผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือเป็นอันมากในการ"สร้างบ้านแป๋งเมือง" นั้นมากเชลยศึกของเชียงใหม่จากหัวเมืองเล็กน้อย  ทางภาคเหนือและ ประเทศใกล้เคียง ตามข่าวจะจัดงานบุญใหญ่ให้ชาวไทยใหญ่ที่อยู่ในเมืองเชียงใหม่และประชาชนทั่วไปมาทำบุญร่วมกันดังกล่าว (มาด มหาชน/รายงาน)นสพ.แม่เมยโพสต์ของคนภาคเหนือนำเสนอข่าวเข้าไปดูข่าวได้ที่...www.maemoeipost.com

 

นสพ.แม่เมยโพสต์รายงานเข้าไปดูที่มือถือของท่านได้ที่...www.maemoeipost.com

Tag : ท่านพระครู(อมร วีรคุณ) อินตา อินทวโร เผยว่างานบุญใหญ่ของวัดป่าเป้าในเมืองเชียงใหม่เริ่มแล้ววันที่ 4-5-เมษายนนี้



ข่าวยอดนิยม @ท่องเที่ยวทั่วไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง @ท่องเที่ยวทั่วไป